Saturday, March 3, 2007

คำนำ

คำนำ

โครงการออกแบบงานประติมากรรมหุ่นยนต์รูปลอยตัว ด้วยเทคนิคงานเชื่อม จากชิ้นส่วนเครื่องยนต์ เพื่อประดับสนามเด็กเล่นโรงเรียนสาธิตอนุบาลจันทรเกษม เป็นกระบวนการศึกษาของวิชา โครงการพิเศษศิลปะส่วนบุคคล โดยมีขั้นตอนประกอบไปด้วยหลักการต่างๆดังต่อไปนี้
การศึกษาความสำคัญและความเป็นมาของโครงการ ซึ่งพัฒนามาจากโครงร่างทางการออกแบบ เป็นผลให้เกิดกระบวนการพัฒนาความเป็นไปได้ในการออกแบบ ตามสมมติฐานที่กำหนด ทำการประมวลศึกษาข้อมูลจากทฤษฎีและหลักการต่างๆที่มีความเกี่ยวข้องกับการออกแบบ ซึ่งประกอบไปด้วยประเด็นของหลักการศึกษาคือ ประวัติความเป็นมาของชิ้นส่วนเครื่องยนต์แต่ละชิ้น การออกแบและความหมายของการออกแบบ การใช้สี ประติมากรรม ประวัติความเป็นมาของอะไหล่เครื่องยนต์ ส่วนประกอบชิ้นส่วนเครื่องยนต์ ประวัติโรงเรียนสาธิตอนุบาลจันทรเกษม และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง จากนั้นจึงทำการวิเคราะห์เพื่อกำหนดแนวทางในการออกแบบ และดำเนินการพัฒนาแบบจนเข้าสู่กระบวนการทำต้นแบบเหมือนจริง( Prototype ) โดยมีการสรุปผลการดำเนินงาน ด้วยการประเมินผลจากการสอบถามความพึงพอใจของการออกแบบงานประติมากรรมรูปลอยตัว และความสวยงามของชิ้นงาน ด้วยเทคนิคงานเชื่อม จากชิ้นส่วนเคริ่องยนต์ เพื่อประดับสนามเด็กเล่นโรงเรียนสาธิตอนุบาลจันทรเกษม โดยการสอบถามกับทางครูผู้สอนโรงเรียนสาธิตอนุบาลจันทรเกษม
ผลจากการศึกษาครั้งนี้พบว่า การออกแบบงานประติมากรรมรูปลอยตัว ด้วยเทคนิคงานเชื่อม จากชิ้นส่วนเครื่องยนต์ เพื่อประดับสนามเด็กเล่นโรงเรียนสาธิตอนุบาลจันทรเกษม มีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับรูปลักษณะ ซึ่งยังสามารถพัฒนาให้มีรูปลักษณะที่มีความสวยงามขึ้นอีกได้
ทั้งนี้ผู้ศึกษาจึงหวังว่าโครงการนี้จะเป็นข้อมูลพื้นฐานและประโยชน์ ต่อผู้ที่สนใจในการศึกษาเพื่อพัฒนางานออกแบบงานประติมากรรมรูปลอยตัว ด้วยเทคนิคงานเชื่อม จากชิ้นส่วนเครื่องยนต์ เพื่อประดับสนามเด็กเล่นโรงเรียนสาธิตอนุบาลจันทรเกษม และความสวยงามของชิ้นงาน ให้ดียิ่งขึ้น

บทคัดย่อ

บทคัดย่อ

โครงการออกแบบงานประติมากรรมหุ่นยนต์รูปลอยตัว ด้วยเทคนิคงานเชื่อม จากชิ้นส่วนเครื่องยนต์ เพิ่มประดับสนามเด็กเล่นโรงเรียนสาธิตอนุบาลจันทรเกษม
A DESIGNING PROJECT OF THREE DIMENSIONS ROBOT SCULPTURE WITH WELDING TECHNIQUE USING MOTORS FOR DECORATING THE PLAYGROUND IN SATID OF CHANDRAKASEM KINDERGARTEN
โดย นายเกรียงไกร จารีต อาจารย์ที่ปรึกษาโครงการฯ อาจารย์จารุณี เนตรบุตร
โครงการออกแบบประติมากรรมรูปลอยตัว ด้วยเทคนิคงานเชื่อม จากชิ้นส่วนเครื่องยนต์ เพื่อประดับสนามเด็กเล่นโรงเรียนสาธิตอนุบาลจันทรเกษม นี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อที่ต้องการจะนำเสนองานประติมากรรมชุดนี้ให้กับเยาว์ชน หรือผู้ที่มาสนใจในงานชิ้นนี้ได้เห็นโครงสร้าง และการประกอบในรูปลักษณะแบบลอยตัวทุกด้านของตัวหุ่นยนต์ในรูปแบบรูปลักษณะของงานประติมากรรมรูปลอยตัวที่ทำด้วยเทคนิคงานเชื่อม จากชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่น่าสนใจ และมีที่วางสำหรับเอาไว้ประดับ ณ สนามเด็กเล่น โรงเรียนสาธิตอนุบาลจันทรเกษม และนอกจากนี้ยังต้องการที่จะนำเสนอถึงการนำสิ่งของที่เหลือใช้นำกับมาใช้ให้เกิดประโยชน์อีกครั้ง เพื่อที่จะให้ผู้ที่สนใจในงานชิ้นนี้นำไปเป็นแนวทางในการประกอบอาชีพ หรือให้เยาว์ชนได้ตระหนักถึงคุณประโยชน์ของสิ่งของที่เหลือใช้
โครงการนี้มีการรวบรวมศึกษาข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวกับงานออกแบบงานประติมากรรมรูปลักษณะแบบลอยตัวด้วยเทคนิคงานเชื่อมจากชิ้นส่วนเครื่องยนต์ เพื่อประดับในสถานที่ ที่เหมาะสมแล้วนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์เพื่อเป็นแนวทางการออกแบบศึกษาการออกแบบ และกำหนดวัสดุที่ใช้ในการผลิตการศึกษาตัวอย่างกรณีศึกษาจากชิ้นส่วนเครื่องยนต์ การร่างแบบ และการพัฒนาแบบศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการผลิต การเขียนต้นแบบเหมือนจริงติดต่อร้านซ่อมมอเตอร์ไซด์เพื่อปรึกษาเรื่องแบบผลิตผลงานจริง การผลิตด้วยตนเอง
โปร์แกรมวิชาศิลปศึกษา ปีการศึกษา 2550

กิตติกรรมประกาศ

กิตติกรรมประกาศ


โครงการออกแบบงานประติมากรรมหุ่นยนต์รูปลอยตัว ด้วยเทคนิคงานเชื่อมจากชิ้นส่วนเครื่องยนต์ เพื่อประดับในสถานที่สนามเด็กเล่น โรงเรียนสาธิตอนุบาลจันทรเกษม มีผู้ให้อนุเคราะห์ช่วยเหลือเป็นอย่างดี ขอขอบพระคุณท่านเจ้าของร้านซ่อมมอเตอร์ไซด์ร้านเดชาการช่าง ที่ท่านให้คำแนะนำ และให้ความช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ เป็นอย่างดีขอขอบคุณอาจารย์ที่ปรึกษาโครงการพิเศษศิลปะส่วนบุคคล อาจารย์จารุณี เนตรบุตรที่ให้คำปรึกษา คำแนะนำ ข้อเสนอแนะต่างๆ เพื่อให้ได้ผลงานที่มีความสมบูรณ์ที่สุด คณะอาจารย์โปรแกรมวิชาศิลปศึกษาและศิลปกรรม (ออกแบบประยุกย์ศิลป์) ทุกท่านที่อบรมสั่งสอนมาโดยตลอด บิดา มารดา พี่ชาย และครอบครัวที่ไม่ได้กล่าวถึงทุกๆท่าน ที่คอยเป็นกำลังใจให้การสนับสนุน และให้ความช่วยเหลือในทุกๆด้านร่วมทั้งเพื่อนๆโปรแกรมวิชาศิลปศึกษาทุกคนที่คอยเป็นกำลังใจให้ความช่วยเหลือ และทำงานร่วมกันมาโดยตลอด ทุกคนที่คอยเป็นกำลังใจ และให้ความช่วยเหลือเสมอมา และบุคคลที่มีส่วนช่วยเหลือ สนับสนุนทุกท่าน ที่ทำให้งานสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี จึงขอขอบพระคุณไว้ ณ โอกาศนี้

เกรียงไกร จารีต

บทที่ 4

บทที่ 4

สรุปอภิปรายผล และข้อเสนอแนะ
โครงการออกแบบงานประติมากรรมหุ่นยนต์รูปลอยตัว ด้วยเทคนิคงานเชื่อมจากชิ้นส่วนเครื่องยนต์ เพื่อประดับสนามเด็กเล่นโรงเรียนสาธิตอนุบาลจันทรเกษม ในครั้งนี้ ได้สรุปการวิเคราะห์ข้อมูล โดยได้นำไปกำหนดเป็นแนวทางในการออกแบบได้ผลของการศึกษาดังนี้

1. สรุป
ในการจัดทำโครงการพิเศษโครงการออกแบบงานประติมากรรมหุ่นยนต์รูปลอยตัว ด้วยเทคนิคงานเชื่อม จากชิ้นส่วนเครื่องยนต์ เพื่อประดับสนามเด็กเล่นโรงเรียนสาธิตอนุบาลจันทรเกษมนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการที่จะนำเสนองานประติมากรรมชิ้นนี้ ให้กับผู้ที่สนใจหรือผู้พบเห็นในโรงเรียนสาธิตอนุบาลจันทรเกษมได้เห็นประติมากรรมหุ่นยนต์ ให้ได้เห็นในรูปแบบรูปลักษณะของงานประติมากรรมรูปลอยตัวที่ทำด้วยเทคนิคของงานเชื่อม จากชิ้นส่วนเครื่องยนต์ และมีแขนที่สามารถขยับยกขึ้นเป็นท่าไหว้แบบไทยๆ ได้ และนอกจากนี้ยังต้องการที่นำเสนอการเชื่อมตัวอักษร เขียนว่า สวัสดีเมืองไทย ที่ด้านหน้าของตัวหุ่นยนต์ด้วย เพื่อที่จะได้ให้ผู้ที่สนใจ หรือผู้พบเห็นอ่าน อ่านแล้วเข้าใจของการสื่อความหมายของหุ่นยนต์
โดยการทำโครงการนี้ จะเริ่มจากการศึกษาข้อมูลต่างๆ แล้วนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์เพื่อเป็นแนวทางในการออกแบบ จากนั้นจึงศึกษาการอกกแบบและกำหนดวัสดุที่ใช้ในการผลิตศึกษาตัวอย่างกรณีศึกษา การร่างแบบและการพัฒนาแบบ ศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการผลิต การเขียนแบบต้นแบบเหมือนจริง ติดต่อร้านซ่อมมอเตอร์ไซด์เพื่อปรึกษาเรื่องการเชื่อมความเป็นไปได้ และสถานที่ในการผลิต ผลิตด้วยตนเอง จนได้ผลงานที่ต้องการออกมาได้

2. การอภิปรายผล
ผลการศึกษาและการผลิตพบว่า ผลงานประติมากรรมหุ่นยนต์รูปลอยตัว ด้วยเทคนิคงานเชื่อม จากชิ้นส่วนเครื่องยนต์ เพื่อประดับสนามเด็กเล่นโรงเรียนสาธิตอนุบาลจันทรเกษม ที่ได้ผลิตออกมานี้ วัสดุที่ใช้ในการผลิตประกอบด้วย เรือนคลัท ชุดเกียร์ ก้านข้อเหวี่ยง เฟืองเกียร์ สลักลูกสูบ ลูกปืนล้อ สะเตอร์หน้า โซ่ราวลิ้น ก้ามปู ก้านข้อเหวี่ยง ลูกถ้วยจักรยาน น๊อตตัวเมียเบอร์ 12 น๊อตสี ลวดเชื่อมไฟฟ้า ซึ่งวัสดุทั้งหมดนี้เป็นวัสดุที่ตรงกับสมมุติฐานที่ได้ตั้งเอาไว้ งานประติมากรรมที่ได้ผลิตออกมา 1 ชิ้นงาน เป็นไปตามสมมุติฐานที่วางไว้ ดังนี้ 1. ชิ้นงานมีขนาดตรงตามที่ได้ออกแบบไว้ 2. รายละเอียดต่างๆของงานประติมากรรมมีรูปลักษณะเด่นชัดเหมือนกับแบบที่เขียนไว้ 3. การเชื่อมตัวอักษรที่เขียนว่าสวัสดีเมืองไทย เมื่อมองในระยะไกลแล้ว จะเห็นตัวอักษรไม่ค่อยชัดเจนเท่าที่ควร เพราะตัวอักษรมีขนาดเล็กจึงต้องมองในระยะใกล้ แต่อย่างไรก็ดีผลงานที่เสร็จสมบูรณ์โดยรวมแล้ว ถือว่าอยู่ในขั้นเป็นที่น่าพอใจของผู้ศึกษา ซึ่งผลงานประติมากรรมรูปลอยตัว ด้วยเทคนิคงานเขื่อม จากชิ้นส่วนเครื่องยนต์ เพื่อประดับสนามเด็กเล่นโรงเรียนสาธิตอนุบาลจันทรเกษมนี้ ผู้ศึกษาเองหวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทางโรงเรียนสาธิตอนุบาลจันทรเกษมและผู้ที่สนใจหรือผู้พบเห็นได้ไม่มากก็น้อยสืบต่อไป

ข้อดีและข้อเสียของผลงาน

ข้อดี
- สามารถสร้างสรรค์งานประติมากรรมหุ่นยนต์ จากรูปแบบหุ่นยนต์จริง ให้ออกมาเป็นรูปแบบรูปลักษณะงานประติมากรรมรูปลอยตัว ที่สามารถประดับสนามเด็กเล่นได้
- สามารถนำเสนอผลงานจริงเป็นประติมากรรมได้
- ชิ้นงานมีขนาดเล็กสามารถข้นย้ายได้สะดวก
ข้อเสีย
- ตัวอักษรที่เขียนว่าสวัสดีเมืองไทย เมื่อมองในระยะไกลแล้ว จะเห็นตัวอักษรไม่ค่อยชัดเจนเท่าที่ควร เพราะตัวอักษรมีขนาดเล็กจึงต้องในระยะใกล้

3. ปัญหาในการทำงาน
การออกแบบงานประติมากรรมรูปลอยตัว ด้วยเทคนิคงานเชื่อม จากชิ้นส่วนเครื่องยนต์ เพื่อประดับสนามเด็กเล่นโรงเรียนสาธิตอนุบาลจันทรเกษม พบปัญหาในกระบวนการทำงาน ซึ่งมีดังต่อไปนี้
1. การเชื่อมงานประติมากรรมรูปลอยตัว ค่อนข้างช้า และไม่สะดวกเท่าที่ควร เนื่องจากสถานที่ปฎิบัติงานเป็นร้านซ่อมมอเตอร์ไซด์
2. การเชื่อมตัวอักษรคำว่า สวัสดีเมืองไทย ในแต่ละตัวนั้นค่อนข้างยาก ต้องใช้กำลังไฟฟ้าของตู้เชื่อมต่ำ เพราะตัวอักษรตัวเล็ก จึงทำให้เชื่อมยาก
3. การเชื่อมงานประติมากรรมรูปลอยตัว ไม่สามารถปฏิบัติงานคนเดียวได้ จึงจำเป็นต้องอาศัยบุคคลอื่นช่วยในการประกอบชิ้นงาน ให้อยู่ในตำแหน่ง

4. ข้อเสนอแนะ
จากผลงานที่ได้ศึกษาและค้นคว้าข้อมูลต่างๆ ของการออกแบบงานประติมากรรมรูปลอยตัว ด้วยเทคนิคงานเชื่อม จากชิ้นส่วนเครื่องยนต์ เพื่อประดับสนามเด็กเล่นโรงเรียนสาธิตอนุบาลจันทรเกษม มีข้อเสนอแนะที่ได้พิจารณาดังต่อไปนี้
1. การอออกแบบงานประติมากรรมรูปลอยตัว ด้วยเทคนิคงานเชื่อม จากชิ้นส่วนเครื่องยนต์ เพื่อประดับสนามเด็กเล่นโรงเรียนสาธิตอนุบาลจันทรเกษม ควรศึกษาข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับงาน แล้วนำข้อมูลต่างๆที่ได้มาวิเคราะห์ แล้วจึงทำการออกแบบ
2. ควรมีการพัฒนาแบบเพื่อหาข้อดีและข้อเสียของแบบที่ได้ออกแบบ และเพื่อเป็นแนวทางไว้ เพื่อการเลือกแบบที่ดีที่สุด
3. ควรศึกษาวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำงาน เพื่อให้สามารถผลิตผลงานออกมาได้ตรงตามเป้าหมายที่ได้ตั้งเอาไว้
4. ควรเขียนต้นแบบเหมือนจริง แล้วนำแบบไปปรึกษากับทางร้านซ่อมมอเตอร์ไซด์หรือผู้ที่มีความรู้เกี่ยวกับงานเชื่อมโลหะ เพื่อศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการผลิต
5. ต้องมีการควบคุมการผลิตผลงานหรือมีความรอบคอบในการผลิตผลงาน เพื่อให้ได้ผลงานที่ออกมาตรงตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการได้

Wednesday, February 28, 2007

แบบประเมิน

เกษม
แบบสอบถามเรื่อง การออกแบบงานประติมากรรมหุ่นยนต์รูปลอยตัว ด้วยเทคนิคงานเชื่อม จากชิ้นส่วนเครื่องยนต์
ผู้ออกแบบ : นายเกรียงไกร จารีต
นักศึกษาหมู่เรียน คบ.24(4)/4 วิชาเอกศิลปศึกษา โปรแกรมวิชาศิลปกรรม
คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎจันทรเกษม
_______________________________________________
คำชี้แจง :
1. แบบสอบถามนี้มีจุดมุ่งหมาย เพื่อการประเมินผลการออกแบบวิชา 2002902 โครงการศึกษาศิลปะ ส่วนบุคคล เรื่อง การออกแบบงานประติมากรรมหุ่นยนต์รูปลอยตัว ด้วยเทคนิคงานเชื่อม
จากชิ้นส่วนเครื่องยนต์
2. ผลจากการสอบถามดังกล่าวนี้ เป็นแนวทางของการประเมินผลการออกแบบเพื่อศึกษาวิชา 2002902 โครงการศึกษาศิลปะส่วนบุคคล ตามหลักสูตรครุศาสตร์บัณฑิตมหาวิทยาลัยราชภัฎจันทรเกษม โดยมิได้มีการเกี่ยวข้องเพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใดๆทั้งสิ้น


แบบสอบถามนี้เป็นประโยชน์ต่อการศึกษา โครงการ การออกแบบงานประติมากรรมหุ่นยนต์ด้วยเทคนิคงานเชื่อม จากชิ้นส่วนเครื่องยนต์ เป็นอย่างมาก ขอขอบพระคุณในความอนุเคราะห์ในการให้ข้อมูลของท่าน

นายเกรียงไกร จารีต
นักศึกษาหมู่เรียน คบ. 24(4)/4 วิชาเอกศิลปศึกษา โปรแกรมวิชาศิลปกรรม
คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎจันทร

Thursday, February 1, 2007

บทที่ 3


บทที่ 3


กระบวนการศึกษา และดำเนินการ การรวบรวมข้อมูลเบื้องต้นที่เกี่ยวข้องกับการทำโครงการออกแบบงานประติมากรรมรูปลอยตัวด้วยเทคนิคงานจากชิ้นส่วนเครื่องยนต์ เพื่อประดับสนามเด็กเล่นโรงเรียนสาทิศอนุบาลจันทรเกษม ทำให้ทราบถึงข้อมูลต่างๆ ที่จำเป็นในการทำงาน ซึ่งผลงานทั้งหมดได้ผ่านการศึกษาค้นคว้า รวบรวมข้อมูล การพัฒนาแบบ และการสร้างผลงานต้นแบบจากข้อมูลที่ได้ค้นคว้า



วัตถุประสงค์ของการออกแบบ
ออกแบบงานประติมากรรมรูปลอยตัว ด้วยเทคนิคงานจากชิ้นส่วนเครื่องยนต์ เพื่อเป็นการประยุกต์จากตัวหุ่นรูปลอยตัว มาเป็นหุ่นรูปแบบรูปลักษณะของงานประติมากรรมรูปลอยตัวที่อยู่บนแทนวางหุ่นสำหรับเอาไว้ประดับสนามเด็กเล่นได้ และภายใต้ของหุ่นแต่ละด้านให้แก่ผู้ที่สนใจที่จะนำความรู้หรือความคิดที่ได้จากการชมนำไปดัดแปลงเป็นอาชีพในอนาคตได้

แรงบันดาลใจ
เนื่องจากปัจจุบันนี้คนเราไม่รู้จักรคุณค่าของสิ่งของจึงใช้สอยกันอย่างฟุ่มเฟือยโดยไม่ได้คิดว่าสิ่งของใดที่สามารถนำกลับมาใช้ได้อีกดังนั้นตัวผู้ศึกษาจึงได้คิดค้นงานชิ้นนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นอุทาหรให้กับเยาว์ชน ดังนั้นตัวผู้ศึกษาจึงคิดว่า ต้องการที่จะทำงานออกแบบงานประติมากรรมรูปลอยตัว ด้วยเทคนิคงานจากชิ้นส่วนเครื่องยนต์ของหุ่นแต่ละด้าน เพื่อประดับสนามเด็กเล่นโรงเรียนสาทิศอนุบาลจันทรเกษม เพื่อเป็นการประยุคต์จากตัวหุ่นแบบลอยตัว มาเป็นรูปงานประติมากรรมรูปลอยตัวที่อยู่บนแท่นวาง เพื่อประดับในสนามเด็กเล่นโรงเรียนสาทิศอนุบาลจันทร เกษม ดังนั้นตัวผู้ศึกษาจึงหวังว่า งานออกแบบงานประติมากรรมรูปลอยตัว ด้วยเทคนิคงานจากชิ้นส่วนเครื่องยนต์ หน้าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ให้ความสนใจในงานชิ้นนี้ไม่มากก็น้อย

ขั้นตอนการศึกษา
1. การศึกษาข้อมูลจากเอกสาร
2. การศึกษาจากตัวอย่างกรณีศึกษา
3. แบบร่างและแบบร่างที่พัฒนาแล้ว
4. ความคิดสร้างสรรค์
5. การผลิตผลงานจริง
6. ผลงานที่เสร็จสมบรูณ์

ขั้นตอนที่ 1 การศึกษาข้อมูลจากเอกสาร
แหล่งศึกษาข้อมูลจากเอกสาร
- หอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยศิลปกร
- ศูนย์ประติมากรรมกรุงเทพฯ
ในที่นี้เมื่อได้ศึกษาค้นคว้าข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับงานประติมากรรมรูปลอยตัว ด้วยเทคนิคงานเชื่อมจากชิ้นส่วนเครื่องยนต์ จึงนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ เพื่อเป็นแนวทางในการออกแบบ


ขั้นตอนที่ 2
การศึกษาจากตัวอย่างกรณีศึกษาการศึกษากรณีตัวอย่างจาก งานประติมากรรมลอยตัวรูปเหมือนจริง จากงานตัวอย่างที่ศึกษาค้นคว้าเพื่อศึกษาถึง ข้อดี และ ข้อเสียต่างๆ และนำมาประยุกต์ใช้เป็นแนวทางในการอกกแบบ งานประติมากรรมรูปลอยตัว ดัวยเทคนิคงาน เชื่อมจาก ชิ้นส่วนเครื่องยนต์ เพื่อประดับสนามเด็กเล่นโรงเรียนสาธิตอนุบาลจันทรเกษม

แบบที่ 1

วิเคราะห์แบบ


แบบที่ 2

วิเคราะห์แบบ

แบบที่ 3

วิเคราะห์แบบ

ขั้นตอนที่ 3 แบบร่าง และแบบร่างที่พัฒนาแล้ว
ในขั้นตอนนี้จากการที่ผู้ศึกษากรณีตัวอย่างจาก งานโชว์หุ่นยนต์แบบรูปลักษณะลอยตัว ผู้ศึกษาจึงได้นำกรณีตัวอย่างที่ได้ศึกษามาประยุกต์ เพื่อเป็นการออกแบบ แบบร่างงานประติมากรรมหุ่นยนต์รูปลอยตัว ด้วยเทคนิคงานเชื่อมจาก ชิ้นส่วนเครื่องยนต์ เพื่อประดับสนามเด็กเล่นโรงเรียนสาธิตอนุบาลจันทรเกษม ซึ่งมีทั้งหมด 3 ด้านด้วยกัน มีดังต่อไปนี้
แบบที่ 1.
เป็นงานประติมากรรมหุ่นยนต์รูปลอยตัว ด้วยเทคนิคงานเชื่อม จากชิ้นส่วนเครื่องยนต์ ทำโดยการใช้เทคนิคในการนำอะไหล่ของรถมอเตอร์ไซด์ มาเชื่อมต่อกันให้เป็นรูปร่างหุ่นยนต์ยืนในลักษณะ ขาซ้ายก้าวมาด้านหน้า โดยเริ่มต้นเชื่อมจากช่วงตัวหุ่นก่อนและขา 2 ข้าง เชื่อมลักษณะท่ายืนแล้วเชื่อมแขนข้าง ซ้าย ขวา ต่อมาเป็นส่วนหัว หัวสามารถถอดได้ หมุนได้ โดยใช้วิธีขันน๊อต เพื่อเอาไว้สำหรับ ถอดเข้า ถอดออก ได้ และ แขนจะทำในลักษณะเคลื่อนไหวได้ แขนทั้งสองข้างสามารถยกขึ้นลงได้



ภาพที่ 4 แบบร่างด้านหน้า
ที่มา : เกรียงไกร จารีต


วิเคราะห์แบบ
- ชิ้นงานโครงสร้างหุ่นยนต์ประยุกต์มาจากหุ่นยนต์แบบลอยตัว นำมาอกกแบบประยุกต์ใหม่ ให้เป็นบบงานประติมากรรมรูปลอยตัว
- ชิ้นงานประติมากรรมหุ่นยนต์เป็นสีดำด้าน มีใบหน้าของหุ่นยนต์ มีดวงตาเป็นน๊อตสี ส่วนใบหูสามารถพับเข้า พับออกได้ แขนสามรถ ยกขึ้นมาเป็นท่าไหว้แบบไทยๆ เพื่อความเป็นเอกลักษณ์ของตัวหุ่นยนต์แบบไทยๆ


แบบที่ 2

เป็นงานประติมากรรมหุ่นยนต์รูปลอยตัว ด้วยเทคนิคงานเชื่อม จากชิ้นส่วนเครื่องยนต์ ทำโดยการใช้เทคนิคในการนำอะไหล่ของรถมอเตอร์ไซด์ มาเชื่อมต่อกันให้เป็นรูปร่างหุ่นยนต์ยืนในลักษณะ ขาซ้ายก้าวมาด้านหน้า โดยเริ่มต้นเชื่อมจากช่วงตัวหุ่นก่อนและขา 2 ข้าง เชื่อมลักษณะท่ายืนแล้วเชื่อมแขนข้าง ซ้าย ขวา ต่อมาเป็นส่วนหัว หัวสามารถถอดได้ หมุนได้ โดยใช้วิธีขันน๊อต เพื่อเอาไว้สำหรับ ถอดเข้า ถอดออก ได้ และ แขนจะทำในลักษณะเคลื่อนไหวได้ แขนทั้งสองข้างสามารถยกขึ้นลงได้




ภาพที่ 5 แบบร่างด้านข้าง
ที่มา : เกรียงไกร จารีต


วิเคราะห์แบบ
- ชิ้นงานโครงสร้างหุ่นยนต์ประยุกต์มาจากหุ่นยนต์แบบลอยตัว นำมาอกกแบบประยุกต์ใหม่ ให้เป็นบบงานประติมากรรมรูปลอยตัว


ลอยตัว
- ชิ้นงานประติมากรรมหุ่นยนต์เป็นสีดำด้าน โดยมองจากด้านข้างของตัวหุ่น ส่วนใบหูสามารถพับเข้า พับออกได้ แขนสามรถ ยกขึ้นมาเป็นท่าไหว้แบบไทยๆ ได้ ทำให้เกิดความเด่นชัดของหุ่นขึ้นมา เพื่อความเป็นเอกลักษณ์ของตัวหุ่นยนต์แบบไทยๆ
- ตัวหุ่นยนต์มีหางยื่นออกมา เพื่อเป็นเอกลักษณ์ และความสวยงาม ให้เกิด ความโดดเด่นของตัวหุ่นยนต์
แบบที่ 3
เป็นงานประติมากรรมหุ่นยนต์รูปลอยตัว ด้วยเทคนิคงานเชื่อม จากชิ้นส่วนเครื่องยนต์ ทำโดยการใช้เทคนิคในการนำอะไหล่ของรถมอเตอร์ไซด์ มาเชื่อมต่อกันให้เป็นรูปร่างหุ่นยนต์ยืนในลักษณะ ขาซ้ายก้าวมาด้านหน้า โดยเริ่มต้นเชื่อมจากช่วงตัวหุ่นก่อนและขา 2 ข้าง เชื่อมลักษณะท่ายืนแล้วเชื่อมแขนข้าง ซ้าย ขวา ต่อมาเป็นส่วนหัว หัวสามารถถอดได้ หมุนได้ โดยใช้วิธีขันน๊อต เพื่อเอาไว้สำหรับ ถอดเข้า ถอดออก ได้ และ แขนจะทำในลักษณะเคลื่อนไหวได้ แขนทั้งสองข้างสามารถยกขึ้นลงได้






ภาพที่ 6 แบบร่างด้านบน
ที่มา : เกรียงไกร จารีต




วิเคราะห์แบบ
- ชิ้นงานโครงสร้างหุ่นยนต์ประยุกต์มาจากหุ่นยนต์แบบลอยตัว นำมาอกกแบบประยุกต์ใหม่ ให้เป็นบบงานประติมากรรมรูปลอยตัว
- ชิ้นงานประติมากรรมหุ่นยนต์เป็นสีดำด้าน โดยมองจากด้านบนของตัวหุ่นยนต์ มีแขนยื่นออกมาจากตัวหุ่นยนต์ เ แขนสามรถ ยกขึ้นมาเป็นท่าไหว้แบบไทยๆ ได้ ทำให้เกิดความเด่นชัดของหุ่นขึ้นมา เพื่อความเป็นเอกลักษณ์ของตัวหุ่นยนต์แบบไทยๆ
- ตัวหุ่นยนต์มีหางยื่นออกมา เพื่อเป็นเอกลักษณ์ และความสวยงาม ให้เกิดความโดดเด่นของตัวหุ่นยนต์
แบบร่างที่พัฒนาแล้ว
ในขั้นตอนผู้ศึกษาได้พัฒนาแบบร่างงานประติมากรรมแบบลอยตัว ด้วยเทคนิคงานเชื่อมจากชิ้นส่วนเครื่องยนต์ เพื่อประดับสนามเด็กเล่น โรงเรียนสาธิตอนุบาลจันทรเกษม ซึ่งมีทั้งหมด 3 แบบด้วยกัน มีดังต่อไปนี้
แบบที่ 1
เป็นงานประติมากรรมหุ่นยนต์รูปลอยตัว ด้วยเทคนิคงานเชื่อม จากชิ้นส่วนเครื่องยนต์ ทำโดยการใช้เทคนิคในการนำอะไหล่ของรถมอเตอร์ไซด์ มาเชื่อมต่อกันให้เป็นรูปร่างหุ่นยนต์ยืนในลักษณะขาซ้ายก้าวมาด้านหน้าโดยเริ่มต้นเชื่อมจากช่วงตัวหุ่นก่อนและขา 2 ข้าง เชื่อมลักษณะท่ายืนแล้วเชื่อมแขนข้าง ซ้าย ขวา ต่อมาเป็นส่วนหัว หัวสามารถถอดได้ หมุนได้ โดยใช้วิธีขันน๊อต เพื่อเอาไว้สำหรับ ถอดเข้า ถอดออก ได้ และ แขนจะทำในลักษณะเคลื่อนไหวได้ แขนทั้งสองข้างสามารถยกขึ้นลงได้








ภาพที่ 14,15,16 เครื่องมือที่ใช้สำหรับเชื่อมหุ่นยนต์
ที่มา : เกรียงไกร จารีต
เครื่องมือสำหรับเชื่อมหุ่นยนต์ มีดังต่อไปนี้ ตู้เชื่อมไฟฟ้า ลวดเชื่อมไฟฟ้า คีมสำหรับจับชิ้นงาน ค้อนสำหรับเคาะสเก็ตก้านเชื่อม เลื่อยเหล็ก ตลับเมตร ถุงมือ หน้ากากเพื่อป้องกันแสงเข้าตา


ภาพที่ 17 การเชื่อมตัวหุ่นยนต์
ที่มา : เกรียงไกร จารีต
จากนั้นจึงเริ่มทำการเชื่อมหุ่นยนต์ โดยนำชุดเกียร์มาเชื่อมให้ติดกับเรือนคลัทตามแบบที่ต้องการ เมื่อเชื่อมติดกัน แล้วก็เคาะสเก็ดออก



ภาพที่ 18 การเชื่อมส่วนหางของหุ่นยนต์
ที่มา : เกรียงไกร จารีต
จากนั้นนำสลักลูกสูบมาเชื่อมติดกับโซ่ราวลิ้น และต่อกันเพื่อเป็นส่วนหางของหุ่นยนต์เพื่อให้ได้ความยาวตามขนาดที่ออกแบบไว้




ภาพที่ 19 การเคาะสเก็ตของลวดเชื่อม
ที่มา : เกรียงไกร จารีต
ต่อมาเป็นการเคาะสเก็ตของลวดเชื่อมเพื่อจะดูว่าแนวเชื่อม ที่เชื่อมไปมีความพอดีหรือไม่ และเคาะสเก็ตทุกครั้งในขณะเชื่อมจุดทุกส่วนของหุ่นยนต์


ภาพที่ 20 การเชื่อมส่วนขาของหุ่นยนต์
ที่มา : เกรียงไกร จารีต
จากนั้นนำก้านข้อเหวี่ยงมาเชื่อมติดกับเฟืองเกียร์เพื่อต่อเป็นส่วนขาของ หุ่นยนต์ตามแบบที่ออกแบไว้




ภาพที่ 21 การเชื่อมต่อระหว่างส่วนหางกับตัวหุ่นยนต์
ที่มา : เกรียงไกร จารีต
เป็นการเชื่อมต่อระหว่างส่วนหางกับตัวหุ่นยนต์ เพื่อให้มีความแข็งแรงขึ้นกว่าเดิม




ภาพที่ 22 การเชื่อมส่วนแขนของหุ่นยนต์
ที่มา : เกรียงไกร จารีต
จากนั้นนำก้านข้อเหวี่ยงมาเชื่อมติดกับก้ามปูเกียร์ เพื่อที่จะนำมาทำเป็นส่วนแขนของหุ่น





ภาพที่ 23 การเชื่อมตัวหนังสือคำว่า สวัสดีเมืองไทย
ที่มา : เกรียงไกร จารีต
ต่อมาเป็นการเชื่อมตัวหนังสือคำว่า สวัสดีเมืองไทย ให้ติดกับตัวหุ่นยนต์



ภาพที่ 25 การเชื่อมส่วนหัว ของหุ่นยนต์
ที่มา : เกรียงไกร จารีต
ต่อมาเป็นการเชื่อมส่วนหัว ของหุ่นยนต์ จะเชื่อมส่วนที่เป็นเส้นผม และใบหู จมูก ปาก ของหุ่นยนต์ตามแบบที่ต้องการ




ภาพที่ 26 การประกอบหุ่นยนต์
ที่มา : เกรียงไกร จารีต
ต่อมาเป็นขั้นตอนการประกอบหุ่นยนต์ นำปิ่นล็อคมาล็อคชุดเกียร์ชิ้นที่ 1 เพื่อไม่ให้เฟืองเกียร์ขยับขึ้นลงได้แต่สามารถหมุนได้ ส่วนนี้เป็นส่วน คอ ของหุ่นยนต์



ภาพที่ 28 การประกอบเฟืองเกียร์
ที่มา : เกรียงไกร จารีต
ต่อมาเนำเฟืองเกียร์ชิ้นที่ 2 หรือชิ้นสุดท้ายมาประกอบตามแบบที่ที่ได้ออกแบบไว้




ภาพที่ 30 การยึดน๊อตแขนหุ่นยนต์
ที่มา : เกรียงไกร จารีต
จากนั้นนำน๊อตสีเบอร์ 10 มายึดที่ไหล่หุ่นยนต์







ภาพที่ 31 การขันน๊อต
ที่มา : เกรียงไกร จารีต
ขันน๊อตพอประมาณ เพื่อให้แขนสามารถขยับขึ้นลงได้ตามที่ออกแบบไว้





ภาพที่ 32 การประกอบส่วนหัวของหุ่นยนต์
ที่มา : เกรียงไกร จารีต
ต่อมานำส่วนหัวของหุ่นยนต์มาประกอบ




ภาพที่ 33 ดูความแข็งแรงของหุ่นยนต์
ที่มา : เกรียงไกร จารีต
ขยับซ่ายไปมา เพื่อดูว่าแข็งแรงหรือไม่




ภาพที่ 34 ประกอบดวงตาหุ่นยนต์
ที่มา : เกรียงไกร จารีต
ต่อมานำน๊อตสีเบอร์ 10 มาประกอบเป็นดวงตาหุ่นยนต์ เพื่อให้เกิดความสวยงาม และ ขันให้แน่น





ภาพที่ 35 ดูความเรียบร้อยบริเวณส่วนหัวของหุ่นยนต์
ที่มา : เกรียงไกร จารีต
จากนั้นตรวจดูความเรียบร้อยบริเวณส่วนหัวของหุ่นยนต์มุมด้านซ้าย




ภาพที่ 36 ดูความเรียบร้อยบริเวณส่วนหัวของหุ่นยนต์
ที่มา : เกรียงไกร จารีต
ตรวจดูความเรียบร้อยบริเวณส่วนหัวของหุ่นยนต์มุมด้านขวา





ภาพที่ 37 ตรวจดูความเรียบร้อยบริเวณส่วนหัวของหุ่นยนต์ ขั้นสุดท้าย
ที่มา : เกรียงไกร จารีต
ขั้นสุดท้าย ตรวจดูความเรียบร้อยบริเวณส่วนหัวของหุ่นยนต์ มุมด้านหน้า และทุกส่วนของหุ่นยนต์ เป็นอันเสร็จกระบวนการการผลิตหุ่นยนต์ ได้ผลงานที่เสร็จสมบูรณ์





ภาพที่ 38 ผลงานสำเร็จแบบที่ 1
ที่มา : เกรียงไกร จารีต






ภาพที่ 39 ผลงานสำเร็จแบบที่ 2
ที่มา : เกรียงไกร จารีต





ภาพที่ 40 ผลงานสำเร็จแบบที่ 3
ที่มา : เกรียงไกร จารีต




















Monday, January 29, 2007

บทที่ 1

บทที่ 1
บทนำ
1. ความสำคัญและความเป็นมาของโครงการ
ปัจจุบันนี้มีเทคโนโลยีแปลกใหม่เข้ามามากมาย หลายชนิด แต่ละชนิดก็มีเอกลักษณ์ และความสำคัญมีความสร้างสรรค์ และมีแนวคิดที่แปลกใหม่ที่พัฒนาทางด้านสติปัญญาเสริมสร้างจินตนาการ ให้กว้างขวางขึ้น ของงานประดิษฐ์ จึงมีความเหมาะสม กับเยาวชนรุ่นหลังอย่างมาก และเป็นจุดเริ่มต้น ที่สร้างชิ้นงาน ให้เกิดทักษะในการเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี
โดยทั่วตามธรรมชาติของมนุษย์มักเรียนรู้จากประสบการณ์และสิ่งแวดล้อมต่างๆรอบตัวซึ่งสิ่งเหล่านี้มีส่วนสำคัญ ที่ช่วยให้พัฒนาเยาวชนในด้านต่างๆได้ การสสร้างสรรค์งานถือได้ว่าเป็นธรรมชาติของเยาวชนรุ่นใหม่ เปรียบเสมือน การเปิดโลกแห่งการเรียนรู้ วัสดุเหลือใช้จึงมีบทบาทสำคัญที่ช่วยพัฒนาให้เยาวชนเกิดการเรียนรู้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพการพัฒนาทางด้าน การใช้ทักษะความคิด การส่งเสริมพัฒนา สร้างสรรค์ สามารถทำได้หลายรูปแบบ โดยเฉพาะของเหลือใช้ เพือพัฒนาความคิด นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยในการฝึกฝนทักษะให้เยาวชน เกิดจินตนาการ รู้จักการทำงานเป็นเอกลักษณ์ เป็นการสร้างสรรค์งานในการออกแบบโดยนำวัสดุของเหลือใช้มา (desing) โดยใช้วิธีเชื่อมทำให้มีลักษณะ 3 มิติ (กว้าง ยาว หนา หรือลึก ) ประติมากรรมงานเชื่อมต้องใช้ความร้อนในการสร้างงาน วัสดุที่ใช้ เป็นเหล็ก ชิ้นส่วนเครื่องยนต์ การ






สร้างงานประติมากรรม เป็นทัศนียศิลป์แขนงหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการสร้างสรรค์ รูปทรง 3 มิติ ผู้ศึกษางานออกแบบของเหลือใช้ให้เป็นรูปแบบของการต่อชิ้นงาน โดยการเชื่อมต่อเหล็กโลหะ จำนวนหลายชิ้น โดยกำหนดรูปแบบต่างๆ ให้มีความสวยงาม มีสีสัน เพื่อดึงดูดความสนใจ ให้อยากมอง อยากศึกษา
ฝึกทักษะทางด้านการสังเกตนอกจากนี้ยังแสดงการใช้ความคิด เชื่อมต่อชิ้นส่วนเครื่องยนต์ ฝึกการใช้จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ ทำให้เกิดประโยชน์ การนำมาประยุกต์อีกด้วย
จากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นได้ว่าชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่ไม่ใช้ นำมาสร้างเป็นงานประติมากรรมแล้ว ยังเป็นสื่อกลางในการเรียนรู้ ของเด็ก สามารถช่วยให้ เกิดทักษะ นำข้อมูลที่รู้และเข้าใจ นั้นมาปรับใช้ กับการดำเนินชีวิตประจำวัน ได้อีกทางหนึ่งด้วย

วัตถุประสงค์
1. เพื่อนำเสนอกระบวน การออกแบบประติมากรรมรูปลอยตัว ด้วยเทคนิคงานเชื่อมจาก ชิ้นส่วนเครื่องยนต์ เพื่อประดับสนามเด็กเล่นโรงเรียนสาทิศอนุบาลจันทรเกษม
2. เพื่อผลิตผลงานจริง การออกแบบงานประติมากรรมรูปลอยตัว ด้วยเทคนิคงานเชื่อม จากชิ้นส่วนเครื่องยนต์ เพื่อประดับสนามเด็กเล่นโรงเรียนสาทิศอนุบาลจันทรเกษม








สมมติฐานและแรงบันดานใจ
เนื่องจากปัจจุบันนี้คนเราเห็นประโยชน์ของชิ้นส่วนเหลือใช้น้อยเกินไป
จึงอยากจะให้งานชิ้นนี้เป็นแรงบันดาลใจให้แก่ผู้สนใจนำไปใช้ประโยชน์ ดังนั้นตัวผู้ศึกษาจึงคิดว่า ต้องการที่ทำงานออกแบบงานประติมากรรมรูปลอยตัว ด้วยเทคนิคงานเชื่อม จาก ชิ้นส่วนเครื่องยนต์ เพื่อประดับสนามเด็กเล่นโรงเรียนสาทิศอนุบาลจันทรเกษมออกมา เพื่อเป็นการประยุกต์จากหุ่นยนต์ทั่วไป มาเป็นงานประติมากรรมรูปลอยตัวไว้สำหรับเอาไว้ประดับสนามเด็กเล่นโรงเรียนสาทิศอนุบาลจันทรเกษม และต้องการที่จะนำเสนอถึงลักษณะของหุ่นยนต์แต่ละด้าน สำหรับงานประติมากรรมชิ้นนี้ ตัวผู้ ศึกษาเองต้องการนำไปบริจากให้แก่โรงเรียนสาทิศอนุบาลจันทรเกษม เพื่อที่จะให้เด็กมีการพัฒนาทางด้านความคิด ในรูปแบบของงานประติมากรรมรูปลอยตัวด้วยเทคนิคงานเชื่อมจากชิ้นส่วนเครื่องยนต์ และยังได้ทราบถึงส่วนประกอบของชิ้นส่วนเครื่องยนต์ ให้ผู้ที่สนใจได้ทราบถึงชื่อของชิ้นส่วนเครื่องยนต์แต่ละชิ้นส่วนได้มาจากส่วนประกอบส่วนไดของเครื่องยนต์ดังนั้นตัวผู้ศึกษาจึงหวังว่า งานออกแบบงานประติมากรรมรูปลอยตัวด้วยเทคนิคงานเชื่อมจากชิ้นส่วนเครื่องยนต์ เพื่อประดับในสนามเด็กเล่นโรงเรียนสาทิศอนุบาลจันทรเกษม นี้น่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจได้ไม่มากก็น้อยสืบต่อไป







ขอบเขตของโครงการ

1. ทำ IDEA SKETCH
2. ทำ CONCEPT SKETCH
3. ทำ WORKING DRAWING
4. ทำ MODEL PROTOTYPE

ประโยชน์ที่คาดว่าได้รับจากโครงการ

1 . กระบวนการการออกแบบงานประติมากรรมรูปลอยตัว ด้วยเทคนิคงานเชื่อม
จากชื้น ส่วนเครื่องยนต์เพื่อประดับสนามเด็กเล่นโรงเรียนสาทิศ อนุบาลจันทรเกษม

2 . ความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบงานประติมากรรมลอยตัว ด้วยเทคนิค
อนุบาลจันทรเกษมงานเชื่อม จากชิ้นส่วนเครื่องยนต์ เพื่อประดับสนามเด็กเล่น
โรงเรียนสาทิศ

Thursday, January 25, 2007

idea sketch











บทที่ 2

บทที่ 2
การศึกษาความรู้และข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

ในโครงการออกแบบประดับ ณ โรงเรียนอนุบาลสาธิตจันทรเกษม และได้ทำการศึกษาข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับงานในโครงการนี้ เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ สามารถนำเอาความรู้ที่ได้นำไปปฏิบัติ และ ดำเนินงานได้ตรงตามที่ได้กำหนดไว้ในบทแรกจากข้อมูลที่ได้ศึกษาได้สามารถแบ่งได้เป็นหัวข้อดังนี้
1. ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับประติมากรรม
2. การออกแบบและความหมายของการออกแบบ
3. การใช้สี
4. ประติมากรรม
5. ประวัติความเป็นมาของชิ้นส่วนเครื่องยนต์
6. ส่วนประกอบของหุ่นยนต์
7. ประวัติโรงเรียนอนุบาลสาธิตจันทรเกษม

1.ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับประติมากรรม
1.1 ประติมากรรม (sculpณre) หมายถึง เป็นผลงานศิลปะที่แสดงออกต้วยการสร้างรูปทรง 3 มิติ มีปริมาตร มีน้ำหนักและกินเนื้อที่ในอากาศ โดยการใช้วัสดุชนิดต่าง ๆ วัสดุที่ใช้สร้างสรรค์งานประติมากรรม จะเป็นตัวกำหนด วิธีการสร้างผลงาน ความงามของงานประติมากรรม เกิดจากการแสงและเงาทีเกิดขึ้นในผลงานการสร้างงานประติมากรรมทำได้ 4 วิธี- การปั้น (casting) เป็นการสร้างรูปทรง 3 มิติ จากวัสดุ ทีเหนียว อ่อนตัว และจับยึดตัวกันได้ดี วัสดุที่นิยมนำมาใช้ปั้น ได้แก่ ดินเหนียว ดินน้ำมัน ปูน แป้ง ขี้ผึ้ง กระดาษ หรีอขี้เลื่อยผสมกาว เป็นต้น
- การแกะสลัก (cing) เป็นการสร้างรูปทรง 3 มิติ จากวัสดุที่ แข็ง เปราะ โดยอาศัยเครืองมือ วัสดุทีนิยมนำมาแกะ ได้เ&ก่ ไม้ หิน กระจก ปูนปลาสเตอร์ เป็นต้น
- การหลอ (Molding) เป็นการสร้างรูปทรง 3 มิติ จากวัสดุที่หลอมตัวได้และกลับตัวแข็งตัวได้โดยอาศัยแม่พิมพ์ ซึ่งสามารถทำให้เกิดผลงานที่เหมือนกันทุกประกันตั้งแต่ 2 ชิ้น ขึ้นไป วัสดุที่นิยมนำมาใช่หล่อ ได้แก่ โลหะ ปูน แป้ง แก้ว ขี้ผึ้ง ดิน เรซิ่น พลาสติก ฯลฯรำมะนา (ซิต เหรียญูประชา)
- การประกอบขึ้นรูป (construction) kป็นการสร้างรูปทรง 3 มิติ โดยวัสงต่าง ๆ มาประกอบเข้าด้วยกัน และยึดติดกันด้วยวัสดุต่าง ๆ การเลือกวิธีการสร้างสรรค์งานประติมากรรมขึ้นอยู่กับวัสดุที่ต้องการใช้ ประติมากรรมไม่ว่าจะสร้างขึ้นโดยวิธีใด จะมีอยู่ 3 ลักษณะ คือ แบบ
นูนต่ำ แบบนั้นสูง และแบบลอยตัว ผู้สร้างสรรค์งานประติมากรรม เรียกว่า ประติมากร
1.2 ประลทของงานประติมากรรม
ประติมากรรมแบบี่ นต่ำ ขนุง ลอยคัว

ประตมิากรรมแบบนั้นต่ำ (BaS Rcliality) เป็นรูปทีเป็นนั้นขึ้นมาจากพื้นหรือมีพื้นหลัง
รองรับ มองเห็นได้ชัดเจนเพียงด้านเดียว คือด้านหน้า มีความสูงจากพื้นไม่ถึงครึ่งของรูปจริง
ได้แก่รูปนั้นแบบเหรียญ รูปนั้นที่ใช้ประดับตกแต่งภาชนะ หรือประดับตกแต่งอาคารทาง
สถาปัตยกรรม โบสถ์ วิหารต่าง ๆ พระkครื่องบางชนิด

ประติมากรรมแบบสูง (High Reliality) เป็นรูปต่าง ๆ ในลักษณะเช่นเดียวกับแบบนูนต่ำ
แต่มีความสูงจากพี้นตั้งแต่ครึ่งหนึ่งของรูปจริงขึ้นไป ทำให้เห็นลวดลายที่ลึก ชัดเจน และ และ
เหมือนจริงมากกว่าแบบนั้นต่ำและใช้งานแบบเขียวกับแบบนูนต่ำ
ประตมากรรมแบบลอยตัว (Kound Rclia? เป็นรูปต่าง ๆ ที่มองเห็นได้รอบด้านหรือ
ตั้งแต่ 4 ด้านขึ้นไป ภาชนะต่าง ๆ รูปเคารพต่าง ๆ พระพุทธรูป เทวรูป รูปตามคตินิยม รูปบุคคล
สำคัญู รูปสัตว์ ฯลฯ

1.3 กระบวนการสร้างสรรค
กระบวนการสร้างสรรค์ ของผู้จัดทำสื่อมัลติมีเคีย การkรียนการสอนในกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ สาระทัศนศิลป์ ระดับชั้นอนุบาล ช่วงชั้นปฐมวัย ในเรือง งานใช้อมโลหะชิ้นส่วนเครื่องยนต์เหลือใช้ เป็นรูปทรงต่าง ๆ เช่น รูปวงกลม สามเหลียม สีเหลี่ยม รูปทรงอิสระ แบบลอยตัว ผู้สอนมีขบวนคิดสร้างสรรค์ สอนในรูปแบบสังเกต ไม่ใช้การปฏิบัติ เพราะเด็กในวัยช่วงชั้นที่ 1 ไม่สามารถปฏิบัติงานเชื่อมเหลานี้ได้ จึงเหมาะแก่การสังเกตมากกว่าแนวทางการปฏิบัติ1.4 วัสงทช้ในการเชื่อมึ่ นยนต์
วัสๆชิ้นส่วนเครืองยนต์ ต้องเหมาะสมกับรูปร่างรูปทรง สามารถเชื่อมติตกันเป็นสรีระได้ แข็งแรง มั่นคง ทั้งในขณะทำการเชื่อมต่อและเมือเชือมต่อเสร็จแล้ว ซึ่งชิ้นส่วนเครื่องยนต์เหล่านี้เป็นวัสดุที่มนุษย์คิดค้นและสร้างขึ้นมา เช่น หัวเทียน ก้ามปูเกียร์ น๊อต เฟืองเกียร์ ก้านข้อเหวี่ยง สะเตอร์เล็ก โซ่ราวลิ้น เป็นการนำวัสดุเหล่านี้มาเชื่อมต่อกัน จัดวางโครงรูปร่าง รูปทางให้เป็นตัวหุ่นยนต์



อุปกรณ์อื่นๆชิ้นงานเชื่อมหุ่นยนต์
การสร้างหุ่นยนต์ ให้เป็นรูปทรงตามความต้องการของเราเพื่อให้ได้งานที่ดี ประณีต และสวยงามนั้นเราต้องรู้จักเลือกใช้อุปกรณ์ช่วยในงานใช้อมประติมากรรมหุ่นยนต์ ดังนี้
1. กระดาษวาดเขียน 80 ปอนด์ มีไว้สำหรับร่างแบบ
2. ดินสอดำไส้แข็ง Hw64 มีไว้สำหรับเขียนแบบร่างหุ่น
3. ตู้เชี่อมไฟฟ้า
4. ลวดเชื่อมไฟฟ้า
5. คีม มีไว้สำหรับจับเวลาเชื่อมต่อกัน
6. ถุงมือ มีไว้สำหรับสวมมือเพื่อความสะดวกในการจับและกันความร้อนในระหว่าง
เชื่อมต่อ กัน
7. ค้อน (อันเล็ก) มีไว้สำหรับ เคาะ ทุบ เวลาเชื่อม
8. ประแจ เบอร์ 14 มีไว้สำหรับขันน๊อตเวลาประกอบหุ่นยนต์

2. การออกณบบ
การออกแบบ คือ การก่อสรรค์ผลงานึ้น โดยไม่ลอกเลียนของเดิม หนีความคิดที่มีมาก่อน เพื่อสนองความด้องการด้านประโยน์ใช้สอย หรือความต้องการด้?นอื่นๆ (ประชิด ทุณบุตรม2530:10)
การออกแบบ (design) คือ สิ่งที่มนุพ์ลร้างขึ้น และการออกแบบเป็นความพยายามสร้างให้เกิดความเปลี่ยนเเปลง โดยกาหัดระเบียบด้วยความมุ่งหมายที่จะแก้ปัญหา และเพื่อตอบสนองประโยชน์ทั้งรองตนของและคนในสังคม (นวลน้อย บุญวงศ์ม 2542:2)
การออกแบบ (design) คือ การปรับปรุงแบบ ผลงานหรือสิ่งต่างๆ ที่มีอยู่แล้วให้เหมาะ
สม ความสะดวกสบายเหมือนเดิม เป็นต้น (สาคร คันธโชติ.2528:1)
การออกแบบ คือ การสร้างและปรับปรุงเปลี่ยนแปลงของเดิมให้ดียิ่งขึ้น ด้วย วัสดุ
โครงสร้าง และวิธีการที่เหมาะสม (สิทธิศกดิ์ ธัญศรีสวัสดิ์กุล2530:4-5)
องค์ประกอบของการออกแบบ (Element of design)
2.1.1 จุด (Point) เป็นองค์ประกอบของกาดอกแบบ เป็นพื้นฐานเบื้องต้น มีความสำคัญต่อการออกแบบทุกชนิด ให้ความรู้สึก ทำให้เห็นเป็น เส้น รูปร่าง รูปทรง และลักษณะพื้นผิว จุด พบเห็นได้ทั่วไปในธรรมชาติ ธรรมชาติได้ออกแบบไว้อย่างมีระเบียบ มีความงาม มีจังหวะ มีความช้ำกันอย่างพอเหมาะพอดี ให้อิทธิพลต่อความคิดของมนุษย์ในการออกแบบเป็นอย่างมาก.
2.1.2 เส้น (line) มีความสำคัญมากที่จดในการออกแบบงานทุกๆประเภท เส้น
เริ่มจากจุดจุดเดียว ซึ่งเกิดจากจุดเป็นจำนวนมากที่ต่อสู้กันไป ทำให้เกินเนื้อที่ ขนาด น้ำหนัก มี
จังหวะ
เส้นเกิดจากการลาก การเขียน เส้นสามารถแทนได้ทั้งสิ่งที่มองเห็นและมองเห็น เส้นมีขนาด แตกต่างกัน แทนความหมายด่างา เป็นที่เข้าใจกันได้ อาจเป็นสัญลักษณ์ของสิ่งต่างๆ ในวิชาเขียนแบบ ในศาสตร์แขนงต่างๆกันเมื่อนำมาประกอบกัน ช่วยทำให้เห็นเป็นรูปร่างและรูปทรง (shape and form) แสดงความรู้สึกตางๆ ที่ปรากฏนั้นๆด้วย
2.1.3 รูปทรง (Shape) เกิดจากเส้นละทิศทางที่ลากมาบรรจบกันรูปร่างของวัตถุที่มนุษย์รับรู้ได้ ได้แก่ รูปร่างทั่วไป เช่น รูปคน สัตว์ สิ่งของและพืช เป็นต้น
รูปร่างของวัตถุต่างๆ ที่บงบริเวณแน่นอน ให้ความรู้สึกเป็น 2 มิติ ( Two dimension) ได้แก่ รูปร่างเลขาคณิต เช่น เส้นรอบนากรอง<ูวงกลม รูปสามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม
รูปร่างของวัตถุที่ต่างไปจากธรรมดา แสดงลักษณะเด่นชัดในตัวของมันเอง ได้แก่ รูปร่างที่บิดเบือน รูปร่างที่เกิดขึ้นจากกาหอก๔บบโดยการรวมของเส้นชนิดต่างๆ รูปร่างที่เกิดขึ้นนี้อาจเป็นไปได้หลายชนิดหลายแบบโดยมีขีดแน่นอน เช่น วงกลม วงรี สามเหลี่ยม สีเหลี่ยม
2.1.4 รูปทรง (Form) รูปทรงเป็นลักษณะรองวัตถุที่มองเห็นทั้ง 3 มิติ คือ ความกว้าง ความยาว และความลึกหรือความสูง เราจะเห็นรูปทรงได้จากเส้น สี แสง และเงาถ้าอาวุธนั้นมีประมาตรเราก็จะเห็นเป็นภาพ 3 มิติได้
รูปทรงบ่ง๒้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ
รูปทรงคงที่ (definitie form) เป็นรูปทรงที่มีลักษณะตายตัว มากจะเป็นรูป
ทรงเลขาคณิต เช่น อาคาร โต๊ะ ตู้ แก้ว จาน ฯลฯ
รูปทรงไม่คงที่ ( indefinite form ) เป็นรูปทรงที่มีลักษณะหลายๆแบบรวมกันอยู่ ทำให้
เกิดเป็นรูปร่างทรงใหม่ขึ้น อาจเป็นลักษณะที่เหมือนอันหรือต่างกันไป
2.1.5 ทิศทาง (direction) หมายถึง ลักษณะที่แสดงให้รู้ว่าการออกแบบนั้นมีลักษณะเช่นใด ผู้ออกแบบจะต้องคำนึงถึงองค์ประกอบเป็นอย่างมากว่า เส้น จุด รูปร่าง รูปทรงเข้าด้วยกันจะให้ความรู้สึกไปในทิศทางใด มีความกลมกลืนในตัวเองหรือความกลมกลืนของทิศทางทีจำเป็นในการออกแบบ
มีลักษณะต่อไปนี้ ทิศทางหรือความเคลื่อนไหวใกล้กันมีความกลมกลืนกัน ทิศทางตรงข้ามกันกัน
2.1.6 ลักษณะผิว ( texture) รูปทรงซึ่งมีขนาดต่างๆ อาจมีพื้นผิวเกิดขึ้นด้วย
โดยที่บางครั้งเทอาจพบว่าพื้นผิวนี้มีลักษณะที่ให้ความรู้สึกมีลักษณะ เรียบ ขรุขระ มัน เป็นต้น

2.2 หลักการอออกแบบ (principles of design)
2.2.1 สัดสวน (proportion) เรื่องของสัดส่วน เป็นปัญหาที่เกี่ยวกับขนาด(size) โดยตรง โดยเน้นความความสัมพันธ์ของส่วนด่างๆ ในสภาพส่วนรวม ขนาดของรูปร่างหรือพื้นที่ในบริเวณต่างๆ ของงานออกแบบ จึงจำเป็นต้องมีความสัมพันธ์เหมาะสมกัน มิใช่มีสัดส่วนที่แตกต่างจนขาดความสัมพันธ์
การออกแบบที่นำมาใช้นั้น คือ จะพ้องคำนึงถึงว่าทำอย่างไรจะสร้างสรรค์ให้เกิดความสวยงามโดยนำสัดส่วนต่างๆ มาให้ใหม่ความสัมพันธ์กับ ระยะและจะต้องพิจารณาถึงขนาดที่นำมาออกแบบใดสัดส่วนสัมพันธ์กัน ให้เป็นกลุ่มแล้วเกิดผลตามต้องการ
การออกแบบที่ดีต้องมีสัดส่วน จะช่วยให้ส่วนประกอบของรูปแบบมี ความสัมพันธ์อย่างเหมาะสม งดงาม สัดส่วนไม่สามารถจะกำหนดเป็นกฎเกณฑ์ได้ตายตัวลงได้ผู้ออกแบบจะต้องพิจารณาเอาเองว่าสัดส่วนขนาดใดจึงจะมองดูแล้วงดงามและเหมาะสมกับงานแต่ ละ ลักษณะ
2,2.2 ความ สมดุล (balance) ความสมดุลในทางอาฯอยู่แบบ หมายถึงความสมดุล4ามลภาพการมองเห็นหรือการรับรู้เอี่ยวกับน้ำหนักของแรงและความมั่นคงบนพื้นภาพงานออกแบบที่ขาดความสมดุล จะก่อให้เกิดความรู้ลึกที่ไม่มั่นคงนักผู้พบเห็น ภาพที่วางองค์ประกอบหนักไปทางซีกใดซึกหนึ่ง ผู้ดูจะเกิดความรู้สึกว่าภาพนั้นเอียงได้
ถารสร้างความสมดุลให้เกิดขึ้นในงานออกแบบ สามารถกระทำได้ ดังนี้ความสมดุลแบบสมมาตร (symmetrical of formal balance) หมายถึง การจัดภาพโดยวางองค์ประกอบ.ให้ซีกซ้ายและซีกขวามีลักษณะเหมือนกันทุกประการ ทำให้ความสมดุลในลักษณะนี้เกิดความถูกที่เป็นระเบียบ มีความมันคง มักจะพบเห็นได้ตามธรรมชาติ เช่น ลักษณะใบหน้าคน ลักษณะปีกของผีเสื้อ ลักษณะของสถาปัตยกรรมส่วนใหญ่
ความสมดุลแบบอสมมาตร (asymmetrical or formal balance) การจัดวางให้ขนาดรูปร่าง หืดสี ให้มีความแตกต่างกนทั้งสองข้าง แต่ให้ดูแล้วมีน้ำหนักที่เท่ากันได้นั้น คือ เท่ากันโดยน้ำหนักของเส้น เงา และลึกในกาmอกแบบสร้างความสมดุลบนพื้นภาพโดยที่
ลักษณะซ้ายขวาต่างกัน เช่น
ความสมดุลที่เกิดจากน้ำหนัก การออกแบบในลักษณะคำนึงถึงน้ำหนัก (weight) ซึ่งอาจเกิดจากผลไม้ของขนาด ลักษณะผิว น้ำหนักสี ทำให้รู้สึกว่าน้ำหนักช้ายขวา สมดุลกัน โดยที่รูปทรงช้ายขวามีลักษณะต่างกัน
ความสมดุลที่เกิดจากสิ่งที่นาสนใจ การออกแบบลักษณะนี้เป็นการออกแบบที่กำหนดให้มีสิงนาสนใจ (interesting point) ด้านใดด้านหนึ่ง เป็นตัวถ่วงดุลน้ำหนัก ขนาด รูป ราง สี ถือว่าลิงที่น่าสนใจนั้นน้ำหนักให้ความเด่นอยู่ในตัวของมัน
ความสมดุลที่เกิดจากลภาพตัดกัน การออกแบบในลักษณะนี้เป็นการออกแบบที่คำนึงถึงการตัดกัน (contrast) ของสีหรือรูปทรงช้ายขวาตามความ ตกต่างอย่างชัดเจนความสมดุลที่เป็นในลักษณะกระจายเป็นรัศมี (radial) ความสมดุลในลักษณะเป็นรัศมีเป็นการจัดองค์ประกอบ ให้มีการกระจาย ให้รวมตัวกันที่จุดศูนย์กลาง มีความสำคัญในการออกแบบภาพเป็นวงกลม ทำให้เกิดความรู้สึกเคลื่อนไหวโดยมีแกนกลาง นิยมใช้ในการออกแบบลวดลายต่างๆ เช่น ลายเพดาน เครื่องหมายการค้า
2.2.3 ความกลมกลืน (harmony) หมายถึง การประสานให้กลมกลืนเป็น
พวกเป็นหมู่เดียวกันให้เกิดความสวยงาม วิธีกาmอกแบบที่ต้องให้รูปแบบส่วนใหญ่กลมกลืน
และส่วนน้อยทีแตกด่างจึงจะปรากฏผลงานที่น่าดู
การออกแบบกลมกลืนกันด้วยรูปร่าง ลักษณะ ช่วงระยะสี และพื้นผิว โดยการออกแบบ การจัดองค์ประกอบ เฉพาะหรือคละกันโดยให้กลมกลืน
การออกแบบกลมกลืนกันด้วยความคิด หมายถึง การสก้งสรรค์ว่าให้มีลักษณะองค์ประกอบเป็นแบบเดียวกัน ใกล้เคียงกัน เป็นภาระ

การออกแบบกลมกลืนกันตามธรรมราติ ได้แก่ ลักษณะของต้น๒้ คน สัตว์จะมีลักษณะที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมาพอเหมาะพอดีได้สัดส่วนกลมกลืนกัน
2.2_4 การตัดกัน (contrast) กาmอกแบบถ้ารูปแบบมีลักษณะที่เข้ากันมากหรือ
กลมกลืนกันมากจนเกินไป จะสร้างความเบื่อหน่ายและน่าสนใจ ฉะนั้นงานออกแบบจะต้อง
นำลักษณะของการตัดกันเข้ามาช่วยเพื่อทำให้งานเกิดความน่าสนใจไม่ซ้ำซาก การตัดกันที่จะ
นำมาสร้างรูปแบบงานออกแบบควรใช้ให้เหมาะสมอย่าให้มากเกินไป

การนำวิธีการตัดกันมาใช้ในการออกแบบมี 5 วิธี คือ
การดัดกันด้วยเส้น (contrast of line) โดยการใช้เส้นที่มีลักษณะตรงกันข้าม หรือเหมือนกันเข้ามาจัดร่วมกันด้วย เช่น รูปทรงของอาคารเป็นรูปทรงเหลี่ยม แต่มีการนำเอาส่วนโค้งทีหลังคามุเข้ามาใช้ให้ดูเด่นขึ้น
การจัดกันด้วยแสงเงา (contrast of 1ight-shade) โดยการให้ปรากฏแสงและ
เงาดัดกันเพื่อให้ดูเด่นชัดขึ้น
การดัดกันด้วยรูปทรงและรูปกง (contrast of form - shape) ด้วยการนำเอา
รูปทรงละรูป๓่งที่ไม่เหมือนกันมาจัดเข้าด้วยกัน
การตัดกันด้วยสี (contrast of color) โดยการใส่ตรงกันข้ามในวงสี 12 สี มาใช้
การตัดกันด้วยลักษณะพื้นผิว (contrast of texture ) เป็นการนำเอาลักษณะพื้นผิวที่ตกต่างกันมาใช้ด้วยกันอย่างเหมาะสม

2.2.5 จังหวะ (rhythm) ลักษณะของจังหวัดในการสร้างภาพ ได้แก่
องค์ประกอบให้มีระยะตำแหน่งขององค์ประกอบเป็นช่วงๆ ซึ่งก่อให้เกิดความรู้สึกที่เคลื่อนไหวต่อเนื่อง และความมีทิศทางแก่ผู้ดู จังหวะในงานออกแบบสามารถแบ่งได้เป็น 3 ลักษณะคือ
จังหวะห่างกัน (repet1ttion rhythm) เป็นการกำหนดให้องค์ประกอบที่เหมือนก้นมีร่วงระยะเทาๆกัน โดยให้ความรู้สึกต่อเนื่อง นิยมให้กับการออกแบบลวดลายที่มีลักษณะ
ช้ำ ๆ กัน
จังหวะก้าวหน้า ( progression rhythm) คือกาหัดจังหวะให้มีเพิ่มขึ้น เช่น เพิ่มเส้นให้มีความหนา บาง หรืออาจจะเพิ่มสี เดิมลักษณะขนาดรูปทรง ให้มีลักษณะต่อเนื่องทั้งนี้องค์ประกอบด่างๆ จะด้องสัมพันธ์กันและมีช่วงจังหวะที่งดงาม
จังหวะต่อเนื่อง ( continue rhythm)) การจัดจังหวะ หมู่การต่อเนื่อง ในงานออกแบบที่ต้องการให้ผู้มองได้มองต่อเนื่องกัน โดยให้ความรู้สึกสม่ำเสมอแก่ผู้ดู
2.2.6 การเน้น (emphasis) งานออกฉบบที่จะทำให้เกิดจุดเด่นคือ การเน้น
เพื่อให้เกิดหดเด่นในงานออกแบบ เป็นการสก้งจุดสนใจให้เกิดขึ้นในงานออก๙บบให้มีลักษณะพิเศษกว่าบริเวณอื่นเพื่อให้เป็นเครื่องตึงดูดความสนใจแก่ผู้ภู งานที่ขาดการเน้นจะทำให้ขาด
ความน่าสนใจตองานออกแบบได้
การเน้นทำได้หลายลักษณะตังนี้
การเน้นด้วย รูปทรง ละขนาด
การเน้นด้วยสี
การเน้นด้วยน้ำหนัก
การออกแบบแต่ละครั้งเมื่อเราจะด้องการเน้นต้องพิจารณาความเหมาะสมกับรูป
แบบโดยยึดหลักพิจารณาดังนี้
จะ เน้น อะไร
จะ เน้น อย่างไร
เน้นมากน้อยแค่ไหน
จะเน้นตรงไหน

2.2.7 เอกภาพ ( unity) หมายถึง กาจัดวางสิ่งต่างๆในภาพให้เป็นกลุ่ม
เดียวกัน ถ้า๒่จำเป็น๒่ควรไว้กึงกลางภาพ การออกแบบที่มีเอกภาพจะต้องใหญ่ลงด่างๆ มีความสัมพันธ์กันแตกกระจายออกจากกัน ถ้าจะมีส่วนใดส่วนหนึ่งแยกออกมาบ้าง ส่วนนั้นๆ จะต้องเป็นส่วนที่เล็กดูแล้วไม่ให้ความรู้สึกเด่นัดแตกกระจายออกไป
ความเป็นเอกภาพจะต้องมีความสัมพันธ์กันทั้งหมดและกลมกลืนกันกับรูปร่างเส้น พื้นผิว และสีงานที่ขาดเอกภาพจะทำให้ผู้ดูเกิดความรู้สึกแตกแยก และไม่น่าสนใจ
สรุปได้ว่า เอกภาพ คือ ความสัมพันธ์ต่อเนือง (Coherence) ซึ่งหมายถึง ความสัมพันธ์ต่อเนื่องขององค์ประกอบต่างๆ ว่าเป็นจุด เส้น รูปร่างู รูปทรง มวล ปริมาตร
ลักษณะผิว บริเวณว่าง สี สิงเหล่านี้จะต้องมีความสัมพันธ์ต่อเนื่องอย่างดี
การสร้างเอกภาพให้เกิดขึ้นกบงานออกฉบบ สามารถที่จะกระทำได้หลายวิธี ดังนี้
การนำรูปร่าง รูปทรง มาวางร้อนทับเกี่ยวเนืองกัน ก่อนทับกันย่อมสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันให้เกิดขึ้นในภาพ
การใช้รูปทรง ที่มีความกลมกลืนกันทำให้เกิดเอกภาพ เน้นการใช้รูป
ทรงอิสระ ทั้งหมด หญิง เลขาคณิตทั้งหมดโดยไม่ปะปนกันในแต่ละภาพ
การใช้พื้นรองรับภาพในลักษณะเดียวกัน ผู้ว่าตัวภาพจะมีลักษณะแตกต่างกัน
แต่ถ้าต้องการออกแบบให้เกิดเอกภาพ อาจใช้พื้นรองรับภาพที่เหมือนกันจะทำให้เกิดเอกภาพ

การใช้เส้นโยงเพื่อทำให้เกิดเอกภาพ องค์ประกอบซึ่งวางอยู่โดยกระจัดกระจายผู้ออกแบบสามารถทำให้เกิดการรวมกันได้ โดยการใช้เส้นโยงเพื่อให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
การใช้สีวรรณะเดียวกัน เพื่อทำให้เกิดเอกภาพ แม้ว่างานออกแบบจะมีการใช้รูปร่างที่กลมกลืนกันแต่ถ้าผู้ออกแบบใช้โครงสีที่เป็นวรรณะเดียวกันในพื้นที่ส่วนใหญ่รองภาพช่วยให้งานออกแบบนั้นเกิดเอกภาพได้
3. การใช้สี
เมื่อตาของเรารับแสงที่สว่างพร้อมกับวัตถุสิ่งของรอบตัว ภาพจะผ่านไปสูประสาทสวนที่สำคัญยิ่งคือ เรติน่า ( retina) ซึ่งเป็นประสาทสัมผัสที่ไวต่อการรับแสง เรติน่าจะทำหน้าที่ส่งภาพไปยังสมอง ทำให้เกิดการมองเห็นและรับรู้สัมผัสต่อภาพที่ปรากฏทั้งที่เป็นรูปทรงและสี
สีเป็นสิ่งช่วยให้สิ่งต่าง ๆ มีความสวยงามขึ้น ความพึงพอใจในลีด่างา ของแต่ละบุคคล
ซึ่งอาจ๒่เหมือนกัน ทั้งนี้อยู่กับความสามารถในการฝึกฝนด้วยการสังเกตดูความสัมพันธ์ระหว่างสีหนึ่งกับอีกลีหนึ่ง และพิจารณาถึงผลของการใช้ประกอบกันกว่าผลที่ได้แตกต่างกันอย่างไร
เมื่อใช้ประกอบกับสีอื่น
สีเป็นคุณสมบัติรองวัตถุ วัตถุนั้นได้จากธรรมชาติและมนุยสังเคราะห์รน สีทีเกิดขึ้น
ตามธรรมชาติอาจมีการเปลี่ยน*ปลง๖้ เช่น สีของดอกไม้สดกับดอกไม้แห้ง ส่วนสีทีมนุษย์สร้างขึ้นด้วยการสังเคราะห์ขึ้นตามหลักเคมี มีคุณสมบัติอยู่ 3 ประการ คือ
สีที่มีคุณสมบัติโปร่งแสง (Transparent) ได้เเก่ สีน้ำ กระดาษลีโปร่งแสง กระจกสี
สีที่มีคุณสมบัติทึบแสงปานกลาง (Transchcent) ได้แก่ สีโปสเตอร์ กระดาษ ฟิล์มกรอง แสง
สี่ที่มีคุณสมบัติทึบแสง (opaque) ได้แก่ สีน้ำมัน สีทาบ้าน สีพลาสติก
3.1 หลักการเกี่ยวกับสี
3.1.1 ลีทุกสีคุณสมบิตสำคัญคือ สามารถดูดแลงและสะท้อนแสงจากวัตถุนั้น
3.1.2 สีทุกสีสัมพันธ์กับความอ่อนแก่ของสีจากดำไปจนถึงขาว
3.1.3 สีทุกสีสามารถเปลี่ยนความเข้มได้ตามปริมาณของเนื้อสีที่ผสม
3.1.4 ความสว่างองแสงและความจัดเจนของสีสามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยการ
ผสมกับสีอื่น
3.1.5 สีอ่อนกว่าสีแก่ สีอุ่นรับรู้ได้เร็วกว่าสีเย็น
3.1.6 สีทุกสีมีกำลังส่อง สว่าง กอให้เกิดการรับและสามารถเปลี่ยนความเข้มได้จาก
หลักที่กล่าวมานั้นทำให้เกิดทฤษฎีสีขึ้นมาว่า


การที่เรามองเห็นวัตถุใดได้เพราะวัตถุนั้นดูดแสงสีอื่น สะท้อนแต่สีของมันเองสีโดยทั่วไปหมายถึงลักษณะ ความเข้มของแสงสว่างที่ปรากฎแก่ตาให้มองเห็น

3.2 แม่สีของนักฟิสิกส์ (สีของแสง) คือสีที่มาจากแสง อธิบายความหมายตามทฤษฎีสีนี้ สี หมายถึง ส่วนประกอบของสเปกตรัม (spectra composition) เมื่อผสมแล้วจะเกิดสีใหม่ในทางวิทยาศาสตร์กำหนดไว้ 3 สี คือ
สีแดง red
สีเขียว green
สีน้ำเงิน blue
red + blue = magenta
green + blue = cyan
green + blue = yellow
แต่
red + green + blue = white

คู่ตรงข้าม
red + cyan = white
green + magenta = white
blue + yellow = white

จะเห็นได้ว่าสีของของนักฟิสิกส์ทั้งหมดเมื่อผสมกันจะได้สีขาว และสีตรงข้าม ก็เช่นเดียวกัน
3.3 แม่สีของนักจิตวิทยา สีต่างๆ ที่สัมผัสได้ทางสายตา มีผลต่อจิตใจ ทำให้เกิดความรู้สึกขึ้นภายใน เช่น สีเหลือง ทำให้รู้สึกถึงแสงสว่าง ความร่าเริง สีเขียวอ่อน ทำให้เกิดความรู้สึกสดชื่น ความอุดมสมบูรณ์ สีแดง ก่อให้เกิดความเร้าใจ น่าตื่นเต้น ฯลฯ
หลักของนักจิตวิทยาแบ่งแม่สีเป็น 4 สี คือ
3.3.1 สีแดง
3.3.2 สีเหลือง
3.3.3 สีเขียว
3.3.4 สีน้ำเงิน

แม่สีทั้งสี่นี้ผสมกันจะได้เป็นสีเทา เมื่อผสมกันระหว่างแม่สีสองสีที่อยู่ใกล้กันในวงจรสีจะได้สีเพิ่มขึ้นอีก 4 สี คือ

สีเหลือง + สีเขียว = สีเขียวเหลือง
สีเขียว + สีน้ำเงิน = สีเขียวน้ำเงิน
สีน้ำเงิน + สีแดง = สีม่วง
สีแดง + สีเหลือง = สีส้ม

3.4 แม่สีของนักเคมี (สีของวัตถุที่สังเคราะห์ขึ้น) นักเคมีหาทางผลิตสีขึ้นเพื่อใช้ในวงการอุตสาหกรรมและวงการศิลปะ หรือที่เราเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “สีวัตถุธาตุ” (PIGMENTARY (PRIMARIES) แม่สีวัตถุธาตุนั้น หมายถึง การใช้สีหลักหรือสีพื้นฐาน (PRIMARY COLOR) ผสมจะได้ สีใหม่ขึ้นเรียกว่าสีสีขั้นที่ 2 (SECONDARY COLOR)
สีขั้นที่ 1 หรือแม่สีหลัก (Primary color) มีด้วยกัน 3 สี คือ
สีแดง rad
สีเหลือง yellow
สีน้ำเงิน blue
เมื่อนำแม่สีทั้งสามสีมาผสมกันแล้วจะได้สีขั้นที่สอง (secondary color) ในอัตราการผสมของสีขั้นที่ 1 ใช้ผสมละเท่าๆกัน
สีแดง + สีเหลือง = สีส้ม (orange)
สีเหลือง + สีน้ำเงิน = สีเขียว (green)
สีน้ำเงิน + สีแดง = สีม่วง (violet)
สีขั้นที่ 3 (chroma color) หมายถึง สีที่ผสมระหว่างสีขั้นที่หนึ่ง กับสีขั้นที่สอง แต่ละคู่จะเกิด
สีแดง + สีม่วง = สีแดงม่วง red – violet
สีแดง + สีส้ม = สีแดงส้ม red – orange
สีน้ำเงิน + สีม่วง = สีน้ำเงินม่วง - blue - violet
สีน้ำเงิน + สีเขียว = สีน้ำเงินเขียว - blue - green
สีเหลือง + สีเขียว = สีเหลืองเขียว - yellow – green
สีเหลือง + ส้ม = สีเหลืองส้ม - yellow – green
3.5 การออกแบบกับคุณประโยชน์ของสี นักออกแบบจะต้องนำเอาหลักการต่างๆของสีไปดัดแปลงให้สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายของรูปแบบที่จะออกแบบ อย่างไรก็ตามคุณประโยชน์ของสีที่มีผลกระทบต่อการออกแบบพอจะกล่าวได้คือ

3.5.1 สร้างความรู้สึก สีให้ความรู้สึกต่อผู้พบเห็นแตกต่างกันไป โดยขึ้นอยู่กับประสบการณ์และภูมิหลังของผู้ดูสีบางสีสามารถช่วยบำบัดโรคจิตบางประเภทได้ การสีกับอาคารทั้งภายใน และภายนอกสร้างความรู้สึกต่อการสัมผัส และการสร้างบรรยากาศอย่างมาก

3.5.2 สร้างความสนใจ สีมีอิทธิพลต่องานออกแบบช่วยสร้างความประทับใจและความสนใจอันดับแรกที่เราพบเห็น

3.5.3 สีบอกสัญลักษณ์ของวัตถุ ซึ่งเกิดจากประสบการณ์และภูมิหลัง เป็นต้นว่าสีแดงแทนไฟ สีเขียวแทนพืช หรือความปลอดภัย

3.5.4 สีช่วยในการรับรู้และจดจำ งานออกแบบต้องการให้ผู้พบเห็นเกิดความจดจำในรูปแบบผลงานหรือเกิดความประทับใจ สีในงานออกแบบจึงสดุดตา และมีเอกภาพ
4. ประติมากรรม

ประติมากรรม หมายถึง การปั้นสลักๆไป มีทั้งขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ ซึ่งทำจากวัสดุต่างๆ เช่น แผ่นไม้ ดิน โลหะ ปูน หิน กระดาษ ฯลฯ เป็นต้น
งานประติมากรรมเป็นศิลปะแขนงหนึ่งของ (fine art) เป็นงานที่เกิดขึ้นจากการสร้างสสรรค์ 3 มิติ มีความ กว้าง ยาว สูง
งานประติมากรรมสร้างขึ้นได้หลายวิธี เช่น การปั้น (modelling) การหล่อ (castign) และการแกะสลัก (carving) การก่อเป็นรูปทรง
(construction) การทุบตีเคาะ (repouse) การบัดกรี (solderng) การเชื่อมโลหะ (welding)
ประเภทของงานประติมากรรมแบ่งได้ดังต่อไปนี้
แบบนูนต่ำ (relief low or bass) เช่นเหรียญบาท ฯลฯ
แบบนูนสูงเช่น (high relief) ลวดลายบนฝาผนัง ฯลฯ
แบบลอยตัวเช่น (round relief) อนุสาวรีย์รูปปั้นต่างๆ ฯลฯ
ซึ่งงานประติมากรรมชิ้นนี้จัดอยู่ในวิธีของการเชื่อมโลหะ และเหตุที่เลือกนำการเชื่อมโลหะมาใช้ในการผลิตงานนั้น เพราะต้องนำสิ่งที่ไม่ใช้ประโยชน์แล้ว เช่น ชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่ไม่ใช้แล้วสามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ใหม่ได้